เก็บรักไว้ที่ปลายฟ้า - นิยาย เก็บรักไว้ที่ปลายฟ้า : Dek-D.com - Writer
×

    เก็บรักไว้ที่ปลายฟ้า

    เมื่อชายหนุ่มพบรักแรกพบเค้าจึงพยายามหาช่องทางที่จะได้อยู่ใกล้กับนางเอกจนพบว่าเป็นผู้ช่วยนักวิจัยเค้าจะใช้แผนการณ์อะไรที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเธอเพราะกลัวว่าแหวกหญ้างูจะตื่น

    ผู้เข้าชมรวม

    118

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    118

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 64 / 19:35 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ณ ริมทะเลแห่งหนึ่งของภาคใต้

    หลังจากลงพื้นที่สัมภาษณ์ชาวบ้านแล้ว หนุ่มภาคได้ชวนสาวมิ้นแฟนสาวไปเดินเล่นที่ริมทะเลโดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว  ทั้งสองเดินจูงมือกันและเหยียบหาดทรายสีขาวพร้อมกับยืนดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินหนุ่มภาคกุ่มมือสาวมิ้นไวเ้แน่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

    “คุณมิ้นดูสิพระอาทิตย์กำลังจะตกดินล่ะ สวยไหมครับ”

    “ใช่ค่ะพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว สวยจังเลยนะคะ”

    “ใช่ครับ สวยมากเลยแต่ผมว่าคุณสวยกว่านะครับ”พร้อมกับหันมามองหน้าแฟนสาวด้วยแววตาอันเปี่ยมรักทำให้สาวมิ้นเขินจนหน้าแดง

    “คุณรู้ไหมวันนี้เป็นวันที่บรรยากาศดีที่สุดเลยตั้งแต่ผมที่เคยมาทะเล”

    “เรอะค่ะมิ้นท์ก็คิดมันเหมือนกันค่ะว่าวันนี้เป็นวันที่มีบรรยากาศดีจริงๆ เลย"

    “ครับ ผมมีอะไรจะบอก”มิ้นตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มคุกเข่าลงพร้อมกับพูดว่า

    “คุณมิ้นครับ แต่งงานกับผมนะครับ”  พร้อมกับหยิบตลับสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากระเป๋ากางเกงและค่อยๆเปิดมันออกมาพบว่าข้างในคือแหวนเพชร  แสงวาบวาวส่งประกายเข้าตา สาวมิ้นตกใจอย่างมากถึงขั้นใช้มือทั้งสองปิดปากตนเองเพราะนึกไม่ถึงว่ามันจะลดเร็วขนาดนี้

    “จะดีหรอคะคุณภาค”

    “ดีครับแต่งงานกับผมนะครับ” ทันใดนั้นหนุ่มภาคก็ชี้นิ้วที่ขอบฟ้าแล้วพูดว่า

    “ดูตรงนั้นสิ” เครื่องเล่นพาราเซลที่มีป้ายผ้าพลิ้วปริ้วตามลมเขียนว่า ’ แต่งงานกับผมนะครับคุณมิ้น ’ ขับลอยผ่านไปสาวมิ้นหัวเราะพร้อมกับพูดว่า

    “คุณภาคทำอะไรค่ะเนี่ย อายคนไปหมดแล้ว” บรรยากาศโดยรอบเหมือนโลกหยุดชะงัก เสมือนว่าทั้งโลกทั้งใบนี้มีเพียงเรา2 คน และแม้ว่าในขณะนั้นจะมีผู้คนยืนอยู่มากมายเพียงใดก็ตามหรือแม้แต่เสียงกู้ก้องร้องเชียร์ว่า ‘แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย’ ดังสักเพียงใดก็ตาม แต่ทว่าคู่รักคู่นี้กลับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ดวงตาทั้งสองประสานกันและมองกันอย่างหวานชื่น  และแน่นอนสาวมิ้นก็ต้องยอมตกลงแต่งงานในครั้งนี้อย่างแน่นอน  เพราะตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหนุ่มภาคเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อน และสามารถเก็บรายรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งยังใส่ใจดูแลเธอเป็นพิเศษกว่าผู้ชายคนไหนๆ และมีความเป็นสุภาพบุรุษกับเธออย่างมาก  ตั้งแต่เธอเป็นแฟนกับหนุ่มภาคมา หนุ่มภาคไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลยแม้แต่สักครั้งเดียวสาวมิ้นจึงตัดสินใจพูดว่า

    “ได้ค่ะ แต่งานกันค่ะเราจะแต่งงานนะค่ะคุณภาค” หนุ่มภาคดีใจอย่างสุดๆ จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่พร้อมกับแอ้มมือไปจับมือข้างซ้ายของสาวมิ้นและรีบทำการสวมแหวนให้กับนิ้วนางข้างซ้ายของแฟนสาวโดยทันที  ประหนึ่งกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า   “เราจะแต่งงานเร็วๆ นะครับ ” 

    “จริงเหรอคะ”

    “จริงครับ  ผมเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วครับ” และค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับโอบกอดแฟนสาวอันเป็นที่รักโดยมีเสียงคลื่นและเสียงลมคอยบรรเลงเป็นเสียงดนตรีแห่งความรัก  บรรยากาศทั้งโลกถูกยึดไว้ที่เพียงคนสองคนและแม้ว่าผู้คนริมหาดจะมากมายเพียงใดก็ตามแต่ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่มิ้นและภาคเท่านั้นที่ยืนอยู่บนริมหาดทราย เมื่อความเงียบกำลังทำงาน หนุ่มภาคก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า

    “คุณมิ้นครับ  มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิครับ” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ขอบฟ้า ก็พบว่าเครื่องยนต์พาราเซลบินกลับมาพร้อมกับข้อความว่า ‘ผมดีใจที่สุดเลย  ผมรักคุณนะครับ’  ซึ่งมองได้อย่างชัดเจนด้วยตัวอักษรใหญ่ยักษ์ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและอ่านข้อความนั้นอีกครั้งพร้อมกับโอบกอดแฟนสาวและพูดขึ้นมาว่า

    “ผมรักคุณนะ คุณมิ้น ผมรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”และสาวมิ้นก็พูดขึ้นมาว่า

    “ที่ห้องของอาจารย์ชไมพรใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มตัดสินใจเฉลยทุกอย่างว่า

    “คุณไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมครับ  ผมชอบคุณมิ้นตั้งแต่ตอนที่ผมมาประชุมที่มหาลัยของคุณมิ้นนะครับ”

    “ประชุมอะไรเรอะคะ” สาวมิ้นทำหน้างงๆ

    “ประชุมเรื่องงานของผมนะครับ ผมเจอคุณมิ้นเดินอยู่ริมถนน  สงสัยว่ากำลังจะต้องเดินไปทานอาหารที่โรงอาหารของมหาลัยแน่ๆ ” พร้อมกับหัวเราะในลำคอสาวมิ้นจับสังเกตอาการหัวเราะในลำคอได้จึงกำมือและทุบบนอกเค้าอย่างเบาๆทำเอาแฟนหนุ่มถึงกับร้อง 

    “โอ้ย”อย่างเบาๆ

    “ทำไมล่ะ ไปทานข้าวที่โรงอาหารมันเป็นยังไงหรอ ” หนุ่มภาคจึงพูดต่อว่า

    “ผมเห็นคุณมิ้นกำลังเดินอยู่หลายครั้งแล้ว และผมก็ขับรถผ่านคุณมิ้นหลายครั้งหลายคราว คุณเตะตาผมมาก แล้วคุณไม่เห็นผมจริงๆ หรอ  คุณไม่เห็นผมใช่ไหม  ผมขับรถผ่านเจอคุณมิ้นตั้งหลายรอบ จนผมคิดว่าต้องมีอะไรช่างดลใจให้ผมได้พบกับผู้หญิงคนนี้หลายครั้ง  ผมผ่านหลายรอบมากจนผมคิดในใจว่าหรือฟ้าจะส่งคนนี้มาเป็นแม่ของลูกผม”  พร้อมกับเฉลยว่า

    “งานวิจัยของผมที่ให้คุณทำนั้นมันเป็นข้ออ้างข้อนึง  ที่ทำให้ผมได้ใกล้คุณมิ้นและรู้จักคุณมิ้นมากกว่าเดิม” และเค้าก็อธิบายต่อว่าเค้ายังใช้เวลาสืบอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าคุณมิ้นเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ชไมพร  สาวมิ้นเลยหน้าขึ้นมามองทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มพร้อมกับกำมือและทุกบนหน้าอกเบาๆ อีกครั้งและพูดว่า

    “บ้าจริงๆ  คุณภาครู้ไหมมิ้นจริงจังกับงานวิจัยมากแค่ไหน”

    “ผมรู้ครับว่า คุณจริงจังมากเพราะตลอดเวลาที่ผมอยู่กับคุณ  ผมดูมาโดยตลอดว่าคุณจริงจังกับงานวิจัยมากแค่ไหน จนแทบจะไม่สนใจอะไรในตัวของผมเลยแต่สำหรับผมงานวิจัยไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป  การมีคุณอยู่ข้างๆ  และเป็นแม่ของลูกผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” 

    “ผมขอโทษนะ”  เมื่อหนุ่มภาคได้ทำการเฉลยความจริงไปหมด  ก็ยิ่งกอดสาวมิ้นอย่างแน่นขึ้นกว่าเดิมคล้ายๆกับว่าความในใจและความเป็นกังวลใจของเขาได้คลายปมออกหมดแล้ว  และก็รู้สึกดีใจว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมางานวิจัยของเค้าทำให้เขารู้จักสาวมิ้นมากขึ้น  ว่าสาวมิ้นเป็นคนที่จริงจังกับงานมากแค่ไหนและเธอเป็นผู้หญิงที่ละเอียดตั้งใจทำงานและจริงจังกับเนื้องานจนทำให้เขารู้สึกว่าเขาเลือกคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกไม่ผิด   ยิ่งมารู้ทีหลังว่าคุณมิ้นรู้จักกับยายวรรณน้องสาวของเค้ายิ่งทำให้เค้าดีใจมากขึ้นเดิม

    “คุณดีใจไหมคะที่เราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน”ภาคถามซ้ำ

    “ดีใจค่ะ” สาวมิ้นยิ้มพร้อมกับมองหน้าหนุ่มภาค

    “คุณไม่รังเกียจใช่ไหมที่จะเป็นแม่ของลูกผม”

    “ไม่เลยค่ะ” 

    คุณมิ้นดีใจไหมครับ”

     “ดีใจค่ะ” มิ้นตอบรับสั้นๆ

    แล้วเราจะแต่งงานเมื่อไหร่ดีครับ เร็วที่สุดดีไหมครับ” ยังไม่ทันที่หนุ่มภาคจะเอ่ยปากถามต่อสาวมิ้นก็ตอบเสียแล้ว 

    รองานวิจัยให้จบก่อนดีไหมค่ะ มันก็เหลืออีกไม่เยอะแล้วนะคะ” มิ้นตอบ

    คุณไม่อยากทำงานวิจัยให้จบก่อนเรอะค่ะ”มิ้นถามซ้ำด้วยความอยากรู้

    “ถ้าคุณมิ้นอยากทำงานวิจัยให้จบ ผมว่าเราเตรียมตัวจัดงานแต่งงานควบคู่กันเลยดีไหมครับ”

    “ดีค่ะ”มิ้นตอบ

    ทางด้านสาวมิ้นตลอดเวลาที่อยู่อ้อมกอดก็ได้แต่คิดในใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีขนาดไหนเมื่อคิดไปคิดมาแล้วจึงตัดสินพูดขึ้นมาว่า

    “คุณรู้ไหม มิ้นเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้เจอคุณ คุณภาครู้ไหมค่ะว่าทำไหม  เพราะคุณภาคเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อนสามารถจำรายละเอียดเล็กๆ  น้อยๆ  หรือแม้แต่อาหารมื้อแรกที่เราทานกันเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้เลย” สาวมิ้นพูดไปหัวเราะไปพลาง  นั่นคือสิ่งที่หาได้ยากสำหรับความเป็นผู้ชายทั่วไป  นับตั้งแต่วันที่มีการฉลองครบรอบ 2 ปีที่ผ่านมาทำให้เธอมั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้และเธอก็เลือกคนไม่ผิด สาวมิ้นเงยหน้าและมองเห็นหนุ่มภาคด้วยสายตาอันอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า

    “มิ้นอยากให้คุณภาคเป็นพ่อของลูกมิ้น คุณภาครังเกียจหรือเปล่าคะ”

    หนุ่มภาคยิ้มพร้อมกับโอบกอดสาวมิ้นแน่นขึ้นกว่าเดิมและพูดขึ้นมา

    “ไม่เลยครับ ไม่รังเกียจเลยครับ ผมดีใจเสียด้วยซ้ำ ผมนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ในชีวิตของผม ผมดีใจที่สุดเลยเราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดดีไหมครับ” สาวมิ้นเงยหน้ามองหนุ่มภาคอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มอย่างหวานชื่นใจแก่หนุ่มภาคๆ เองก็มองหน้าสาวมิ้นและก็อดไม่ได้เลยที่อยากจะบรรจงรอยจูบลงบนแก้มเธอเบาๆ และมองหน้าสาวมิ้นอีกครั้งแต่ในครั้งนั้นสาวออกอาการเขินจนหน้าแดงหลังจากที่โดนหอมแก้ม

    “คุณภาคเนี่ย” สาวมิ้งออกอาการสะบัดตัวเล็กน้อยผมก็พูดขึ้นมาว่า

    “ผมอยากแต่งงานตรงนี้คุณว่าดีไหม” สาวมิ้นงงและเงยหน้ามองคุณภาคและพูดว่า

    “ตรงนี้ ตรงไหนคะ” 

    “ตรงที่ผมขอคุณมิ้นแต่งงานไงครับ”

    “ผมตัดสินใจแล้ว เราจะจัดงานฉลองงานแต่งงานที่ริมหาดดีไหมครับ  เอ้าตรงนี้ี้ๆ ล่ะ”และพูดว่า

    “ผมฝันมาตลอดเลยว่าลูกคนแรกของผมอยากตั้งชื่อว่า ‘ทะเล’ เพราะมันเป็นที่แรกที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาได้รักกันดีไหมครับ”

    “ดีค่ะ” มิ้นตอบรับ

    “เราจะมีลูกด้วยกัน 3 คนผมตั้งชื่อลูกไว้แล้ว ลูกคนที่ 2 ชื่อว่า ’กอหญ้า’ ลูกคนที่ 3 จะชื่อว่า ‘ภูผา’  คุณว่าชื่อนี้เพราะไหมหรือเราจะตั้งชื่อใหม่กันดี” มิ้นหน้าขึ้นมองหนุ่มภาคที่มีสัดส่วนสูง 180 พร้อมด้วยแววตาอันเปี่ยมสุขพร้อมกับพูดว่า

    “คุณรู้ไหมคะ คุณทำให้มิ้นรู้สึกว่ามิ้นเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยค่ะ  มิ้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณภาคตั้งชื่อลูกไว้หมดแล้วนี่เราจะมีลูกกัน 3 คนเลยหรอคะ”

    “ใช่ครับผมอยากมีลูก 3 คน คุณมีลูก 3 คนให้ผมเลยนะ”

    “โห จะไหวไหมเนี้ย แต่ได้ค่ะ  มิ้นจะพยายาม”พร้อมกับอ้อมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของแฟนหนุ่มพร้อมกับพูดว่า

    “คุณทำให้มิ้นดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณภาค ” ภาคยิ้ม

    “ผมดีใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้” มิ้นแอบยิ้มและแอบคิดคนเดียว ว่าปกติผู้หญิงจะต้องดีใจมากแต่ไงคู่ของเธอกลับเป็นหนุ่มภาคที่ดูดีใจผิดปกติ  และไหนเลยจะตั้งชื่อลูกเตรียมไว้แล้วอีก ถ้าปกติทั่วๆ ความฝันเรื่องแต่งงานต้องเป็นผู้หญิงและทางผู้หญิงหรือเปล่าที่ต้องเป็นฝ่ายคิดว่าจะมีลูกกี่คนและ  ลูกจะต้องชื่ออะไรบ้าง มิ้นออกอาการงงกับคู่รักของเธอ แต่เธอก็ดีใจเพราะนั้นเป็นเพราะว่านั้นคือความตั้งใจและความละเอียดของคุณภาคซึ่งหาแทบไม่ได้แล้วในตัวผู้ชาย

    “ผมอยากให้ลูกมีชื่อที่ผมตั้งให้  เราใช้ชื่อนี้เลยนะ ทะเล  กอหญ้า ภูผา”

    “ค่ะ”

    “ขอบคุณนะครับที่ให้ผมตั้งชื่อลูกเอง” ทั้งสองกอดกันจนกลมไปหมดท่ามกลางบรรยากาศริมหาดที่มีเพียงเสียงคลื่นทะเลเสียงนกร้อง พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินมากขึ้นกว่า ยิ่งทำให้สาวมิ้นรู้สึกว่าตนเองช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดี จนกระทั่งเสียงหนุ่มภาคเอยขึ้นว่า

    “คุณมิ้นดูนั้นสิ”พลางชี้นิ้วไปที่ขอบฟ้า เสียงเครื่องยนต์พาราเซลที่ติดป้ายข้อความพลิ้วไปพลิ้วมาแต่พออ่านออกได้เขียนไว้ว่า ‘ทะเล กอหญ้า ภูผา ‘

    “ โอ้โห คุณภาค ” 

    “ผมเตรียมไว้หมดแล้วชื่อลูกผมก็ต้องชื่อไว้ ตามนี้นะคุณโอเคใช่ไหม”

    “โอเคค่ะ โอเค ” สาวมิ้นคิดในใจก็ตั้งชื่อเรียงไว้หมดแล้วใครจะกล้าขัดล่ะ พร้อมกับหัวเราะเบาๆ

    แล้วทั้งสองก็ยืนกอดกันดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ตกทะเล และชีวิตคุู่ที่ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น

                                       .................จบบริบูรณ์.................

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น